Learning Log 11
นอกห้องเรียน
ในการเรียนภาษาอังกฤษหลายคนมักจะบอกว่าเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลนั้นต้องฟัง
พูด อ่าน เขียนได้หรือสื่อสารกับชาวต่างชาติได้แค่นั้นก็พอ
แกรมม่าหรืออะไรที่เรียนไปนั้น เพื่อการท่องสอบไม่ต้องไปกังวลไม่จำเป็น สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นก็ไม่ผิดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจะใช้ภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพจริงๆ
ทุกอย่างมันต้องไปด้วยกัน บางคนสำเนียงดีมากแต่พูดภาษาอังกฤษผิดหมด
บางคนเก่งไวยากรณ์มากแต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย
ในขณะที่บ้างคนใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทุกด้าน ดังนั้นการใช้หรือการเรียนภาษาอังกฤษในทักษะต่างๆนั้น
มีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการฟัง การพูด
การอ่าน และการเขียน หรือในเรื่องอื่นๆ
ได้แก่คำศัพท์ ไวยากรณ์ การอ่านออกเสียง หรือแม้แต่ในเรื่องของวัฒนธรรม เกมส์และปริศนาต่างๆ
ซึ่งนับว่าเป็นวิถีทางหนึ่งที่จะช่วยให้การพัฒนาตนเองของผู้เรียนในการปฏิบัติจริงและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษได้ตามรูปแบบกิจกรรมที่มีอยู่หลากหลายได้ตามความสนใจและในครั้งนี้ดิฉันได้ศึกษาเทคนิคพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษ
3 พาร์ท นั่นก็คือ แกรมม่า คำศัพท์ และบทสนทนา
พาร์ทแรก 5
เทคนิคเก่ง Grammar คือ พื้นฐานง่ายๆต้องแม่น
ภาษาอังกฤษก็เหมือนภาษาไทยที่จำเป็นต้องเรียนรู้พื้นฐานก่อนเช่น คำนาม คำกริยา
เป็นต้น พื้นฐานเหล่านี้ถือว่าจำเป็นสำหรับการเรียนแกรมม่า
เพราะต้องใช้ต่อยอดแกรมม่าอื่นๆ กฎเหล็กข้อยกเว้นจำได้ แกรมม่าเป็นเรื่องหลักของภาษาที่ซับซ้อนและมีข้อยกเว้นมากมาย
เช่น การเปลี่ยนคำนานเอกพจน์ให้เป็พหุพจน์เติม s , es ถ้าลงท้ายด้วย
o ให้เติม es ได้เลยเป็นต้น
มีตัวอย่างเสริม หาตัวอย่างประโยคของหลักๆนั้น เป็นโมเดลประโยคท่องจำจะได้ง่ายขึ้น
คิดถึงโครงสร้างต่างๆ แล้วท่องประโยคนั้นขึ้นมาก็จะได้รู้ว่าโครงสร้างเป็นอย่างไร
เปรียบเสมือนกับเวลาท่องเสียงลือเสียงเล่าอ้าง
แบบของโคลงสี่สุภาพในภาษาไทยเป็นต้นอ่านเองไม่ค่อยจะเข้าใจตั้งแต่ในห้องเรียน
ถ้ารู้ตัวว่าเรียนรู้อะไรช้ายิ่งเป็นแกรมม่ายากๆ
อ่านเองคงไม่เข้าใจก็ควรตั้งใจเรียนตั้งแต่ในห้องเรียนเพราะอาจารย์แต่ละคนจะมีเทคนิคการจำที่ต่างกัน
ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น อัพเกรดการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษหัดอ่านหนังสือ
เรื่องสั้น นิยาย หนังสือพิมพ์ที่เป็นภาษาอังกฤษหรืออ่านข่าวจากเว็บไซต์ต่างประเทศ
สื่อเหล่านั้นมีประโยชน์อย่างมากกับตัวเรา
พาร์ทที่สอง 5 เทคนิคเก่ง Vocabulary คือ
มองทุกอย่างเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ มองทุกอย่างให้เป็นภาษาอังกฤษเช่น
เดินไปตลาดเจอของตามถนนก็นึกเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ อันไหนไม่ได้ก็จำไว้แล้วมาเปิดดิกชั่นนารีที่บ้าน
หาคำควบคู่หรือคำตรงข้ามไว้ด้วยเช่น
รู้คำศัพท์คำหนึ่งแล้วให้หาคำศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกันและตรงข้ามกันมากองเป็นกลุ่มคำไว้
เวลาท่องจำทีนึงจะได้พร้อมๆกันทีเดียว Crossword puzzle เกมส์นี้จะวัดความรู้คำศัพท์อย่างแท้จริง
ลักษณะเกมส์คือ เป็นตารางคำศัพท์
ถ้าฝึกเกมส์นี้บ่อยๆก็จะได้ฝึกทั้งเรื่องคำศัพท์และแปลความด้วย เตรียมสมุดคำศัพท์
เอาไว้จดคำศัพท์ที่เราไปเจอมาแล้วไม่รู้ความหมาย
เพื่อที่ว่ากลับมาบ้านมาก็หาความรู้เพิ่มจดทุกๆวัน
สมุดเล่มนี้จะเหมือนคัมภีร์คำศัพท์ ที่คัดมาแล้วว่าเราเจอในชีวิตประจำวันจริงๆฝึกสร้างประโยคจากศัพท์คล้ายกับเทคนิคเก่งแกรมม่า
แต่เพิ่มสกิลการเขียนอีกนิดนึง
สามารถหาประโยคแกรมม่าจากหนังสือเรียนได้แต่การสร้างประโยคจากศัพท์นั้นแนะนำให้ฝึกแต่งประโยคขึ้นมาเอง
พาร์ทสุดท้าย 5 เทคนิคเก่ง Conversation & Speaking คืออย่ากลัวพูดผิดความกลัวทำให้เราไม่กล้าและการที่เราพูดผิดก็ไม่ได้เสียหายมากนัก
ฝรั่งหลายคนสามารถเรียนรู้ภาษาทที่สามได้เร็วมากเพราะมีความกล้านั่นเอง
หาตัวช่วยฝึกออกเสียงสำเนียงการพูดอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่
แต่ถ้าสำเนียงดีก็จะได้เป็นประโยชน์ต่อการสื่อสาร เราและคู่สนทนาก็ฟังเข้าใจกันมากขึ้นเพราะบางครั้งไม่ใช่แค่สำเนียงที่ฟังยากแต่อาจจะออกเสียงผิดด้วย
ดังนั้นต้องหาตัวช่วยเพื่อการออกเสียงที่ดีเช่น
ทอล์กิ้งดิกชั่นนารีหรือคุยกับเพื่อนต่างชาติ เป็นต้น
อย่านึกเป็นภาษาไทยเพราะการที่เราคิดเป็นภาษาไทยทำให้เรายึดติดกับไวยากรณ์ภาษาไทย
ดังนั้นเราควรคิดแบบฝรั่งจะได้พูดภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้น
ก่อนพูดต้องฝึกฟังด้วยแม้เราจะพูดได้แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับการฟัง
เพราะจะช่วยให้เรารู้จักการพูด
การเลือกใช้คำพูดตามสถานการณ์และที่สำคัญถ้าสนทนากับคนอื่น
การฟังจะช่วยให้คุยกันถูกเรื่อง ดูหนังที่บ้านแล้วฝึกพูดตาม
เหมาะสำหรับคนที่ฝึกการพูดจริงๆ เลือกดูหนัง soundtrack ฟังแบบไม่มีซับแล้วพูดตามเสียงที่ได้ยินตามความต้องการ
ในส่วนของการฝึกทักษะนั้น ดิฉันได้ฝึกทั้งหมด 4 ทักษะคือ การฟัง การพูด การอ่านและการเขียน
และในทักษะแรกนั้นคือ ทักษะการฟัง ได้ฝึกเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 15 พ.ศ. 2558 ในการฝึกฟังนั้น
ดิฉันได้เลือกฝึกจากการฟังเพลงสากล ชื่อเพลง Colors of the wind ของศิลปิน Vanessa Williams ในเพลงจะแสดงให้เห็นถึงความรักของมนุษย์
สัตว์ป่า เขา ลำธาร ว่ามีความสุขสดชื่นที่แท้จริงมากกว่าการทำร้ายกันและกัน เช่น But
if you walk the footsteps of a stranger . You will learn things you never knew you
never knew. ได้แปลว่า แต่ถ้าคุณได้เดินตามผู้อื่นที่ต่างไปจากคุณ
คุณก็จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆที่คุณไม่เคยรู้ คุณไม่เคยรู้
และในบทเพลงนี้ดิฉันยังได้เรียนรู้ประโยคคำถามในบทเพลงอีกด้วย เช่น Have
you ever heard the wolf cry to the blue corn moon ? คุณเคยได้ยินเสียงหมาป่าคร่ำครวญหาพระจันทร์เต็มดวงหรือไม่?
เป็นต้น
ทักษะที่สองคือ
ทักษะการพูดในการฝึกทักษะการพูดนั้น ดิฉันได้ศึกษาคำย่อในการพูดภาษาอังกฤษ
เมื่อเราพูดกับชาวต่างชาติเราก็จะได้รู้ว่าคำๆนี้ย่อมาจากอะไร
เพื่อให้การสื่อสารนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างคำย่อ เช่น GIMME = give me แปลว่าให้แกฉัน
ในการศึกษาคำย่อนี้ยังได้เรียนรู้รูปแบบประโยคของคำย่อต่างๆอีกด้วย
ทำให้เราเข้าใจและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น
สามารถนำประโยชน์ไปใช้พูดในสถานการณ์จริงได้เลย เช่น Gimme your money. Can you gimme a hand? และอีกตัวอย่าง เช่น KINDA
– kind of แปลว่า ค่อนข้างจะ ใช้กับความรู้สึกลักษณะภายนอก
ตัวอย่างประโยค เช่น She is kinda cute. Are you kinda mad at me ? เป็นต้น ดิฉันได้ทำการฝึกการพูดในวันศุกร์ ที่ 16 พ.ศ. 2558
ทักษะต่อมาคือ ทักษะการอ่าน วันที่ฝึกคือ วันเสาร์ ที่ 17 พ.ศ. 2558 ในการฝึกทักษะทักษะการอ่านครั้งนี้ดิฉันเลือกฝึกโยการอ่านนิทาน
เนื่องจากในนิทานมีคำศัพท์ที่ง่าย
เมื่อดิฉันอ่านแล้วก็ทำให้ดิฉันเข้าใจได้ง่ายขึ้นและรู้สึกเพลิดเพลินกับการอ่าน
ดิฉันได้อ่านเรื่อง The Treasure in the Field เป็นเรื่องเกี่ยวกับความพยายามในการทำสิ่งหนึ่งและเมื่อเราพยายามและตั้งใจทำผลที่ออกมานั้นก็จะดีเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างประโยคเช่น The three boys went to the field and dug the ground .
They dug all day trying to find the treasure, but did not find anything. ลูกชายทั้งสามของชาวนาจึงพากันไปขุดหาสมบัติในท้องนาตามที่พ่อบอก
พวกเขาช่วยกันขุดหาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แต่ก็ไม่พบสมบัติที่มีค่าอะไรเลย
และในการฝึกอ่านครั้งนี้ดิฉันยังได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆอีกด้วย เช่น bury
= ฝัง , ripe = สุกงอม เป็นต้น
และทักษะสุดท้ายคือ ทักษะการเขียน
ได้ฝึกเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 18 พ.ศ. 2558 ในทักษะการเขียนดิฉันได้ฝึกเขียน resume
ภาษาอังกฤษเพิ่มเติม ซึ่งจะมี 5 ส่วนหลักๆคือ ส่วนที่ 1 – หัวเรื่องและวัตถุประสงค์ (Heading and
Objective) ส่วนที่ 2 – ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง
(Personal Details) ส่วนที่ 3 – ข้อมูลด้านการศึกษา (Education) ส่วนที่ 4 – ข้อมูลด้านประสบการณ์การทำงาน และทักษะอื่นๆ (Experiences and other skills) ส่วนที่ 5 – บุคคลที่สามารถอ้างอิงได้ (References) ในการเขียน resume นี้มีประโยชน์อย่างยิ่งกับนักศึกษาภาษาอังกฤษ
เพราะจะได้เขียนได้ถูกต้องตามรูปแบบและเป็นความรู้รอบตัวที่เราจะต้องรู้ควบคู่ไปกับการเรียนของเรา
สำหรับการฝึกฝนทักษะในการเขียนนั้นดิฉันได้ฝึกเขียนประโยคจากการฟังเพลงว่าดิฉันสามารถฟังแล้วเขียนออกมาได้มาแค่ไหน
เพลงที่ดิฉันได้ฝึกเขียนจากการฟังคือ Part time Vacation time ตัวอย่างประโยคคือ Get out of the city life, get out of your
place . เป็นต้น
จากการเรียนรู้นอกห้องเรียนครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการพัฒนาการเรียนภาษาอังกฤษใน
3 พาร์ท คือ เทคนิคเก่งแกรมม่า เทคนิคเก่งคำศัพท์
และเทคนิคเก่ง การสนทนาและการพูด
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการฝึกภาษาอังกฤษซึ่งเราสามารถเลือกฝึกได้ตามความสนใจของเรา
และในส่วนของการฝึกทักษะของดิฉันนั้น ดิฉันได้ฝึก 4 ทักษะคือ
ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซึ่งในการเรียนหรือการใช้ภาษาอังกฤษนั้น
ทักษะทั้ง 4 เหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ควบคู่ไปด้วยกัน
เพื่อเกิดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถต่อยอดการเรียนรู้ให้พัฒนาขึ้นไปได้เรื่อยๆ
และที่สำคัญจะต้องฝึกฝนอยู่ตลอดโดยสามารถนำไปใช้กับสถานการณ์จริงได้เป็นอย่างดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น