Learning Log 9
นอกห้องเรียน
การเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้และการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง
4 ด้าน คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
ซึ่งในการฝึกทักษะทั้ง 4 ด้านของดิฉันนี้ ดิฉันก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เกี่ยวการเรียนรู้ในทักษะทั้ง
4 ด้านจะช่วยให้ดิฉันเข้าใจและมีพฤติกรรมในการฝึกฝนทักษะที่ถูกต้อง
เพราะในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษซึ่งเป็นวิชาทักษะนั้น เราจะต้องใช้ความมานะพยายาม
และความอดทน หลักการศึกษาวิชาภาษาอังกฤษให้ได้ผลนั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
เพราะความสำเร็จในการเรียนวิชาภาษา ซึ่งเป็นวิชาทักษะนั้น
อาศัยทั้งความเข้าใจและการฝึกฝนทบทวนบ่อย ๆ
อยากทราบว่าตนเองยังมีพื้นฐานภาษาอังกฤษค่อนข้างน้อย
ก็ควรที่จะเพิ่มพูนทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้มากขึ้น สำหรับการฝึกทักษะของดิฉันและการศึกษาพฤติกรรมในการเรียนรู้ทักษะทั้ง
4 ด้านมีดังต่อไปนี้
ทักษะแรกคือ
ทักษะการฟังมีพฤติกรรมการฟังอยู่ 5 ระดับคือ1.ขั้นรับรู้ฝึกสังเกตความแตกต่างของภาษาเกี่ยวกับเสียง
คำ การเน้น และระดับเสียงขึ้น-ลงของข้อความ 2.ขั้นระลึกสามารถที่จะเข้าใจความหมายของข้อความสั้นๆ ที่ได้ยิน 3.ขั้นรับความคิด สามารถที่จะเข้าใจสัญลักษณ์ทางไวยากรณ์
คำศัพท์ ประโยคและบทความสั้นๆ 4.ขั้นเข้าใจ
สามารถเข้าใจคำอธิบาย รู้จักจับความของข้อความที่ได้ยิน
แม้ว่าจะมีคำที่ไม่รู้ความหมายอยู่ด้วยก็ตามสามารถฟัง และเข้าใจข้อความที่ผู้พูดพูดออกมาอย่างรวดเร็วได้ 5.ขั้นวิเคราะห์
สามารถแยกแยะได้ว่าข้อความที่ได้ยินว่า เป็นภาษามาตรฐานหรือไม่
รูปประโยคถูกต้องหรือไม่ เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก
และความมุ่งหมายของผู้พูดจากน้ำเสียง และถ้อยคำที่เน้น
สามารถประเมินได้ว่าถ้อยคำที่เน้นนั้นสื่อสารความคิดได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ และในการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนั้นดิฉันได้ฝึกจากการดูหนังเรื่อง The Avengers ในการดูหนังครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้รู้ถึงสำเนียงที่ถูกต้องและชัดเจน
อีกทั้งยังได้รู้ถึงการเน้นคำหรือพยางค์ในประโยคหรือบทสนทนาได้อย่างชัดเจน
บางประโยคที่ฟังไม่เข้าใจก็อาศัยจากการดูบริบทหรือท่าทางของนักแสดงก็จะทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
ทักษะที่สองคือ ทักษะการพูดเป็นพฤติกรรมทางด้านการแสดงออก
เนื่องจากคนไทยมิใช่ชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
ทักษะการพูดภาษาอังกฤษจึงอาจเป็นทักษะที่ดูเหมือนค่อนข้างจะยาก
ในด้านของการออกเสียงหรือสำเนียงให้ถูกต้อง แต่หากเรามีความพากเพียรพยายามหมั่นฝึกฝนบ่อย
ๆ ก็อาจสามารถทำได้ดีเช่นเดียวกัน แต่ถึงแม้ว่าจะออกเสียงผิดเพี้ยนไปบ้าง เราก็ควรให้ความสำคัญต่อการพยายามสื่อสารให้ได้ความหมายมากที่สุด
องค์ประกอบสำคัญ นอกจากเสียงหรือสำเนียงแล้ว ได้แก่ ศัพท์ ไวยากรณ์
ระเบียบวิธีของความสัมพันธ์ระหว่างประโยค ตลอดจนการใช้กริยา ท่าทาง
ประกอบในการสื่อสาร
ในการฝึกทักษะการพูดนั้นดิฉันได้ฝึกจากการดูหนังเช่นเดียวกับการฝึกทักษะการฟังจากหนังเรื่อง
The Adventures และเมื่อดิฉันฟังและรู้สำเนียงที่ถูกต้องแล้วดิฉันเลยได้ต่อยอดในการการฝึกฝนโดยพูดตามประโยคจากตัวละคร
ซึ่งทำให้ดิฉันได้มีสำเนียงคล้ายกับชาวต่างชาติและรู้ถึงความหมายคำศัพท์ได้เร็วยิ่งขึ้น
เช่น Is everything a joke to you ? ทุกๆอย่างสำหรับคุณเป็นเรื่องขำขันสินะ?
ทักษะต่อมาคือ ทักษะการอ่านประสิทธิภาพในการอ่านจะดีขึ้นเมื่อมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์มากขึ้น
มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้คำ มีความชำนาญในการใช้คำต่าง ๆ เช่น คำนาม
กริยาเปลี่ยนรูป วิเศษณ์ บุพบท ฯลฯ มีความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของประโยค
และไวยากรณ์ อย่างถูกต้อง มีความเข้าใจเรื่องราวที่อ่านอย่างชัดเจน
สามารถเข้าใจโครงสร้างของบทความ รู้ตำแหน่งสำคัญของประโยคต่างๆ
ที่ประกอบกันขึ้นเป็นเรื่องราว ซึ่งได้มาจากการเข้าใจความหมายตามตัวอักษร
และความสามารถที่จะติดตามเรื่องที่อ่านอย่างมีลำดับ
สามารถที่จะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ของข้อความที่อ่าน ในการฝึกทักษะนั้น ดิฉันๆได้ฝึกจากการอ่านบทความเรื่อง Drinking water before meals help dieting. การดื่มน้ำก่อนอาหารจะช่วยลดน้ำหนักได้
ในบทความก็จะกล่าวถึงผลการวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่พบว่าการดื่มน้ำก่อนอาหารจะช่วยลดน้ำหนักได้
เนื่องจากน้ำไม่มีแคลอรี่และการดื่มน้ำทำให้เรารู้สึกอิ่มได้ Water
contains no calories and drinking it makes us fell full.
ทักษะสุดท้ายคือ
ทักษะการเขียน
เป็นทักษะที่ต้องผ่านกระบวนการทางความคิดหลายขั้นตอน ตั้งแต่การรวบรวมความคิด
การลำดับเรื่อง และเลือกสรรถ้อยคำในการถ่ายทอดออกมาเป็นข้อความที่สามารถสื่อความหมายได้ตรงความต้องการ ทักษะการเขียนจะต้องอาศัยความเข้าใจโครงสร้างภาษาอย่างถูกต้อง
รู้ศัพท์ สำนวน รูปแบบ ประโยค ไวยากรณ์ และเช่นเดียวกับทักษะอื่น ๆ เราจะต้องหมั่นฝึกฝนและหัดเขียนอยู่เสมอ
นอกจากนั้นการเขียนและการอ่านเป็นทักษะที่เชื่อมโยงกัน หากเรามีประสบการณ์ในการอ่านมาก
ก็จะได้เห็นรูปแบบวิธีเขียน แนวคิดในการสื่อสารของผู้เขียน
ซึ่งจะช่วยทำให้มีแบบอย่างสำหรับการเขียน สำหรับตนเองมากขึ้นด้วย ในการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ดิฉันได้นำสำนวนภาษาอังกฤษมาฝึกแต่งประโยคเพื่อทำให้ดิฉันรู้และเข้าใจสามารถใช้สำนวนภาษาอังกฤษได้ถูกต้องเช่น
In ages เป็นสำนวนซึ่งหมายความว่า เป็นเวลานานมาก
แต่งประโยคคือ I have not seen him in ages แปลว่า
ฉันไม่ได้เจอเขาเป็นเวลานานมากแล้ว และอีกสำนวน Take it easy แปลว่า พักผ่อน ประโยคคือ I think I will take it easy. ฉันคิดว่าฉันจะพักผ่อน เป็นต้น
จากการเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้มีการพัฒนาทักษะทั้ง
4 ด้านมากยิ่งขึ้น
ความรู้เหล่านี้ข้างต้นทำให้ดิฉันได้ฝึกฝนและศึกษาพฤติกรรมเกี่ยวกับทักษะต่างๆที่ควรจะรู้เพื่อเป็นตัวช่วยและสามารถต่อยอดการเรียนรู้ได้มากขึ้น
ในการฝึกทักษะทั้ง 4 นั้นทักษะแรกที่ดิฉันได้ฝึกคือ
ทักษะการฟังซึ่งจะมีพฤติกรรมการฟังอยู่ 5 ระดับด้วยกัน
การฝึกทักษะนั้นได้ฝึกฟังจากการดูหนังเรื่อง The Adventure ทักษะที่สองคือ ทักษะการพูด
การพูดจะเป็นพฤติกรรมทางด้านแสดงออก
ในการฝึกทักษะนั้นดิฉันเลือกฝึกโดยการพูดประโยคตามตัวละครจากการดูหนังเรื่อง The
Adventure ส่วนทักษะการอ่านนั้นเป็นทักษะที่ต้องรู้เกี่ยวกับคำศัพท์
มีความเข้าใจและความชำนาญในการใช้คำต่างๆและในการฝึกทักษะ
ดิฉันได้ฝึกการอ่านบทความเรื่อง Drinking water before meals help dieting.
และทักษะสุดท้ายทักษะการเขียนเป็นทักษะที่ต้องผ่านกระบวนการทางความคิด
ซึ่งดิฉันได้ฝึกโดยการแต่งประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้รู้และเข้าใจสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น