วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log 12 นอกห้องเรียน


Learning Log 12
                                                                       นอกห้องเรียน
                    การเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้ดิฉันได้ศึกษาเกี่ยวกับคำแนะนำในการเรียนภาษาอังกฤษ และในการฝึกทักษะของดิฉันนั้น ดิฉันได้ฝึกทักษะทั้งหมด 4 ทักษะ นั่นก็คือ ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซึ่งในโลกปัจจุบันนั้น ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญทั้งในชีวิตการเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับคนไทยหลายๆ คน ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่น่ากลัวและเรามักจะหลีกเลี่ยงการต้องพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติหรือการพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนอื่นๆ เพราะขาดความมั่นใจและทักษะ บางคนกังวลว่าสำเนียงไม่ดี แกรมมาไม่ได้ จึงทำให้ไม่กล้าที่จะฝึกพูด ดังนั้นดิฉันจึงได้ศึกษาข้อแนะนำในการเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่ม ความมั่นใจ ความกล้าที่จะสื่อสารภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง สำหรับคำแนะนำดังกล่าวมีดังนี้

                    เปิดหู รอบๆ ตัวเรามีสื่อต่างๆ มากมายที่เราสามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเรียนภาษาอังกฤษได้ ทั้งเพลง หนัง ซีรี่ย์ ข่าว สละเวลาสักนิดในแต่ละวันเพื่อหาสิ่งที่เราสนใจ ถ้าเราชอบฟังเพลง ลองเลือกเพลงของศิลปินที่เราชื่นชอบไว้ฟังเพื่อเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง แต่อย่าลืมว่า ถ้าสักแต่ฟังไปโดยไม่ได้เปิดหู เราก็จะได้ยินแต่สิ่งเดิมๆ การออกเสียงภาษาอังกฤษแบบเดิมๆ ที่เราถูกสอนมาในโรงเรียนโดยอาจจะเป็นวิธีออกเสียงที่ผิด ฉะนั้น อย่าเพียงแค่ฟัง แต่เราต้องเปิดหูฟังว่าเจ้าของภาษาออกเสียงอย่างไร การเปิดดิกชันนารีที่มีคำอ่านภาษาอังกฤษก็สามารถช่วยให้เราอ่านออกเสียงตามได้ง่ายขึ้น
                    เปิดตา หัดเป็นคนช่างสังเกต อย่าสักแต่ว่าอ่านแล้วเปิดดิกชันนารีเพื่อดูคำแปลของคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพียงอย่างเดียว เพราะการอ่านนั้นมีประโยชน์มากกว่าเพียงแค่การเรียนรู้คำศัพท์ หัดสังเกตรูปแบบประโยค โครงสร้างประโยค เพื่อเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไปในตัว เริ่มจากประโยคสนทนาภาษาอังกฤษง่ายๆ สังเกตว่า คำนามอยู่ตรงไหน กิริยาอยู่ตรงไหน ทำไมกิริยาบางตัวเติม s บางตัวไม่เติม ทำไมกิริยาบางตัวเป็นรูปอดีต ปัจจุบัน อนาคต การอ่านข่าวภาษาอังกฤษแปลไทยเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เราสามารถเรียนรู้ได้ทั้งคำศัพท์ภาษาอังกฤษและไวยากรณ์ภาษาอังกฤษได้ควบคู่กัน
                     เปิดปาก สำหรับคนที่ต้องการพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษานั้น เราจำเป็นที่จะต้องฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษและฝึกพูด สำหรับคนที่ไม่ได้มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติหรือสามารถจ่ายเงินเรียนคอร์สสอนภาษาโดยชาวต่างชาติได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะฝึกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ หลังจากเราเปิดหูฟังเจ้าของภาษาออกเสียงภาษาอังกฤษอย่างถูกต้องแล้ว ต้องเปิดปากเพื่อออกเสียงตาม (ในส่วนนี้อาจจะต้องอาศัยอินเนอร์ในระดับหนึ่ง จำไว้ว่าความอายหรือความเขินไม่ช่วยเรา ณ จุดนี้) สำหรับใครที่ชอบฟังเพลง เราสามารถร้องเพลงตามได้ (แต่ไม่ใช่สักแต่ว่าร้องไปโดยออกเสียงแบบที่เรามโนว่าถูกต้องเอง) สำหรับคนที่ชอบดูซีรี่ส์ฝรั่ง หัดพูดประโยคต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดจนเราคิดว่าสำเนียงเราเริ่มคล้ายเจ้าของภาษาเข้าไปทุกที
                     ในส่วนของการฝึกทักษะของดิฉันนั้นก็มีดังต่อไปนี้ ทักษะแรก ทักษะการฟังได้ฝึกเมื่อวันพุธ ที่ 21 เดือนตุลาคม .. 2558 ดิฉันได้ฝึกทักษะโดยการฟังบทสนทนาและประโยค เมื่อไหร่ (English Questions and Answers with "When") ซึ่งดิฉันได้ฟังจากยูทูป ในวีดีโอการสนทนานี้จะมีข้อความเขียนประกอบอยู่ด้วยซึ่งทำให้ดิฉันเข้าใจและดูจากข้อความควบคู่ไปกับการฟังได้ง่ายขึ้น เมื่อดิฉันฟังไม่ชัดหรือไม่เข้าใจดิฉันจะหยุดวีดีโอแล้วไปฟังซ้ำอีกรอบ ตัวอย่างบทสนทนาและประโยค เช่น  When are you leaving? > I am leaving in five minutes. คุณจะไปเมื่อไหร่ >ผม/ฉัน จะไปในอีกห้านาที  When will he be finished? >He will be finished in two weeks. เมื่อไหร่เขาจะทำเสร็จ >เขาจะทำเสร็จในสองอาทิตย์ ในการฟังครั้งนี้ ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้การใช้ when ในประโยคคำถามได้ถูกต้อง และยังได้ศึกษาถึงโครงสร้างการใช้ประโยคคำถามและการตอบคำถามที่ถูกต้อง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้องเช่นเดียวกัน
                    ทักษะที่สอง คือ ทักษะการพูดได้ฝึกเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 22 เดือนตุลาคม พ.. 2558 ในส่วนของการฝึกพูดครั้งนี้ อันดับแรกดิฉันได้ศึกษา วลีภาษาอังกฤษ ที่แทนคำว่า โชคดี เพื่อจะได้นำไปใช้ในการพูดกับเพื่อนได้อย่างถูกต้อง และยังเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ใหม่ ได้เรียนรู้วลีในภาษาอังกฤษสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกและเหมาะสม ตัวอย่างวลี เช่น  Break a leg คำนี้ดิฉันคิดว่าแปลว่า "หักขา" แต่เมื่อดิฉันได้ศึกษาก็รู้ว่าคำนี้เป็นสำนวนจะหมายถึง ขอให้โชคดี สำนวนนี้เกิดจากความเชื่อว่า ถ้าเราพูดถึงสิ่งไม่ดี สิ่งร้ายนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นเพราะเราพูดถึงไปแล้วที่เหลือก็จะมีแต่สิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต ตัวอย่างประโยคที่ดิฉันได้ฝึกพูดกับเพื่อนของดิฉันที่จะไปแข่งฟุตบอลเกี่ยวกับ วลีนี้ก็คือ Example: You have a football competition today, right? Break a leg!!! เธอมีแข่งฟุตบอลในใช่ไหมวันนี้? สู้ๆโชคดีน้า!                                                                                                                               
                     และอีกตัวอย่างวลีที่ดิฉันได้ศึกษา คือ  Blow them away.    ซึ่งดิฉันคิดว่า แปลว่า เป่าพวกเค้าไป!  แต่คำนี้ก็เป็นสำนวนเช่นกัน ซึ่งแปลว่า ทำให้ประทับใจหรือทำให้อึ้ง ตะลึงไปเลย ซึ่งก็สามารถสื่อถึงการอวยพรให้โชคดีได้เช่นกัน   ตัวอย่างประโยคที่ดิฉันได้ฝึกพุดกับเพื่อนคือ                                                           A: I’m so nervous for the speech competition tomorrow.    B: Don’t worry, you'll blow them away!    เอ: ฉันกังวลมากกับการแข่งขันการพูดในวันพรุ่งนี้   บี: ไม่ต้องห่วงหรอก คุณจะทำทุกคนตะลึงแน่ๆ
                     ทักษะต่อมาคือ ทักษะการอ่านได้ฝึกเมื่อวันศุกร์ ที่ 23  เดือนตุลาคม พ.ศ. 2558  ในการฝึกทักษะการอ่านครั้งนี้ ดิฉันได้เลือกการฝึกอ่านข่าว เรื่อง Woman kicked out of McDonald's for bringing a pet kangaroo ซึ่งในข่าวนี้จะเกี่ยวกับ หญิงสาวที่โดนไล่ออกจากร้านแม็คโดนัลด์โทษฐานที่เธอนำจิงโจ้เข้ามาในร้านด้วย ในการฝึกนั้นดิฉันได้ฝึกอ่าน 2 รอบจนกว่าดิฉันจะเข้าใจเนื้อหาของข่าวได้อย่างชัดเจนและถูกต้อง ในการอ่านรอบแรกนั้นดิฉันยังไม่ค่อยเข้าใจเนื้อหาสักเท่าไร เนื่องจากดิฉันไม่รู้ความหมายของคำศัพท์และประโยค จากนั้นดิฉันจึงหาคำศัพท์จากดิกชั่นนารีเพิ่มเติม และเมื่ออ่านรอบที่สองดิฉันทำความเข้าใจกับเนื้อหามากขึ้นและได้ค้นหาความหมายของคำศัพท์ จึงทำให้ดิฉันเข้าใจเนื้อหาของข่าวและสามารถแปลประโยคในข่าวได้ ซึ่งเนื้อหาข่าวมีดังนี้
                     A woman in the U.S. state of Wisconsin was asked to leave a McDonald's because she was attempting to patronize the restaurant accompanied by her pet kangaroo. A customer at the restaurant called the police, who then asked the woman to leave. The woman, who was a cancer patient, told police that the kangaroo was a "service animal" to help her deal with the emotional distress of her illness, and showed police a doctor's note as proof. The police officer said the woman, who lives on a farm with several other exotic animals, was upset at first, but then agreed to leave the eatery.
                   ซึ่งแปลข่าวดังกล่าวนี้ได้ว่า หญิงคนหนึ่งจากรัฐวิสคอนซิน ถูกเชิญให้ออกจากร้านแม็คโดนัลด์ เนื่องจากว่าเธอพยายามเข้าไปในร้านพร้อมกับจิงโจ้ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ ลูกค้าที่อยู่ในร้านขณะนั้นโทรเรียกตำรวจ ซึ่งขอให้ผู้หญิงคนนี้ออกจากร้านไปซะ ผู้หญิงคนนี้ซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งบอกตำรวจว่าจิงโจ้ของเธอที่จริงเป็น สัตว์ที่ช่วยเหลือคนพิการที่ช่วยเธอในการรับมือกับความเจ็บปวดทางจิตใจที่เธอต้องเผชิญกับโรคมะเร็ง และยังได้แสดงใบรับรองจากแพทย์เป็นหลักฐานให้ตำรวจดูด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าในตอนแรก ผู้หญิงคนนั้นซึ่งอาศัยในฟาร์มกับสัตว์แปลกๆ อีกจำนวนมากดูจะไม่พอใจในตอนแรก แต่ก็ยอมออกจากร้านอาหารไปในที่สุด
                      ในการฝึกอ่านข่าวครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้รูปแบบประโยคและโครงสร้างประโยคในเนื้อหาของข่าว อีกทั้งยังได้เรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไปในตัว และสิ่งที่ดิฉันได้รับและได้เรียนรู้จากการอ่านทุกครั้งก็คือ การได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆจากการอ่านข่าว ตัวอย่างคำศัพท์ คือ patronize แปลว่า สนับสนุน เป็นลูกค้า cancer patient แปลว่า ผู้ป่วยโรคมะเร็ง service animal แปลว่า สัตว์ที่ช่วยเหลือผู้พิการ เช่น สุนัขนำทางคนตาบอด doctor's note แปลว่า ใบรับรองแพทย์ exotic แปลว่า ที่มาจากต่างประเทศ เป็นต้น
                      ทักษะสุดท้าย คือ ทักษะการเขียนได้ฝึกเมื่อวันเสาร์ ที่ 24 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 ในการฝึกการเขียนนั้น ดิฉันได้เลือกศึกษาและฝึกเกี่ยวกับ การเขียนที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษ (Writing an Address in English)  ซึ่งเป็นการเขียนที่ใกล้ตัวเรามาก บางครั้งเราละเลยและมองข้ามการเขียนที่ถูกต้อง ซึ่งทำให้เราเขียนผิดหรือเข้าใจการเขียนแบบผิด และดิฉันยังซับสนว่าต้องเขียน ตำบล หรืออำเภอ ทับศัพท์ภาษาไทยเลยหรือไม่ หรือว่าต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นดิฉันจึงเลือกศึกษาการเขียนที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษดังกล่าวนี้ เมื่อดิฉันได้ไปศึกษามาแล้วนั้น ดิฉันก็พบว่าเราสามารถเขียน ทับศัพท์ภาษาไทยหรือเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ เพราะได้ส่งถึงมือเจ้าของเหมือนกัน สำหรับบางคำ เรามักจะเขียนทับศัพท์ไปเลย เช่น หมู่ = Moo — ซอย = Soi — ตำบล = Tambon ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรเช่นกัน ตัวอย่างการเขียนที่อยู่เป็นภาษาอังกฤษของดิฉัน คือ ที่อยู่ภาษาอังกฤษ  : 229 Village No. 1 cha-lung – la- ngu Road, Thaphea Sub-district, Thaphea District, Satun, 91150    ที่อยู่ภาษาอังกฤษแบบทับศัพท์: 229 Moo.1,cha-lung - la-ngu Road, Tambon Thaphea, Amphur Thaphea, Satun, 91150 ในการฝึกเขียนที่อยู่ภาษาอังกฤษนี้ทำให้ดิฉันได้เขียนที่อยู่ได้ถูกต้องตามรูปแบบโครงสร้างหลักการเขียน อีกทั้งยังได้เรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับที่อยู่อีกด้วยเช่น Alley แปลว่า ตรอก Village No. แปลว่า หมู่ที่ Sub-district/ Sub-area แปลว่า ตำบล/แขวง เป็นต้น

                       จากการเรียนรู้ในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำแนะนำในการเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดี คือ เราจะต้อง เปิดหู เปิดตา และเปิดปาก เพื่อรับการเรียนรู้และการฝึกภาษาอังกฤษได้อย่างเต็มที่ มีประสิทธิภาพ และมีความมั่นใจ กล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้จริง และในส่วนของการฝึกทักษะของดิฉันนั้นดิฉันได้ฝึกทั้งหมด 4 ทักษะคือ ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ในการฝึกทักษะนั้น ทักษะการฟังดิฉันได้ฝึกฟังบทสนทนาและประโยค เมื่อไหร่” (English Questions and Answers with "When") การฝึกทักษะการพูด ดิฉันได้ศึกษาและฝึกเกี่ยวกับการใช้วลีในภาษาอังกฤษที่แทนคำว่า โชคดี การฝึกทักษะการอ่าน ดิฉันได้ฝึกอ่านข่าวเรื่อง Woman kicked out of McDonald's for bringing a pet kangaroo. และการฝึกทักษะสุดท้าย ทักษะการเขียน ดิฉันได้ศึกษาการเขียนที่อยู่ภาษาอังกฤษและฝึกเขียนที่อยู่ของตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ทักษะเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ที่ต้องจะเรียนรู้ควบคู่ไปด้วยกัน และมั่นฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาต่อยอดความรู้ของตัวเอง อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้แก่ตัวเองอีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น