วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log 9 นอกห้องเรียน


Learning Log 9
นอกห้องเรียน
                      การเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้และการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้าน คือ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน ซึ่งในการฝึกทักษะทั้ง 4 ด้านของดิฉันนี้ ดิฉันก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เกี่ยวการเรียนรู้ในทักษะทั้ง 4 ด้านจะช่วยให้ดิฉันเข้าใจและมีพฤติกรรมในการฝึกฝนทักษะที่ถูกต้อง เพราะในการเรียนวิชาภาษาอังกฤษซึ่งเป็นวิชาทักษะนั้น เราจะต้องใช้ความมานะพยายาม และความอดทน หลักการศึกษาวิชาภาษาอังกฤษให้ได้ผลนั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เพราะความสำเร็จในการเรียนวิชาภาษา ซึ่งเป็นวิชาทักษะนั้น อาศัยทั้งความเข้าใจและการฝึกฝนทบทวนบ่อย ๆ อยากทราบว่าตนเองยังมีพื้นฐานภาษาอังกฤษค่อนข้างน้อย ก็ควรที่จะเพิ่มพูนทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้มากขึ้น สำหรับการฝึกทักษะของดิฉันและการศึกษาพฤติกรรมในการเรียนรู้ทักษะทั้ง 4 ด้านมีดังต่อไปนี้

                     ทักษะแรกคือ ทักษะการฟังมีพฤติกรรมการฟังอยู่ 5 ระดับคือ1.ขั้นรับรู้ฝึกสังเกตความแตกต่างของภาษาเกี่ยวกับเสียง คำ การเน้น และระดับเสียงขึ้น-ลงของข้อความ 2.ขั้นระลึกสามารถที่จะเข้าใจความหมายของข้อความสั้นๆ ที่ได้ยิน 3.ขั้นรับความคิด สามารถที่จะเข้าใจสัญลักษณ์ทางไวยากรณ์ คำศัพท์ ประโยคและบทความสั้นๆ 4.ขั้นเข้าใจ สามารถเข้าใจคำอธิบาย รู้จักจับความของข้อความที่ได้ยิน แม้ว่าจะมีคำที่ไม่รู้ความหมายอยู่ด้วยก็ตามสามารถฟัง และเข้าใจข้อความที่ผู้พูดพูดออกมาอย่างรวดเร็วได้ 5.ขั้นวิเคราะห์ สามารถแยกแยะได้ว่าข้อความที่ได้ยินว่า เป็นภาษามาตรฐานหรือไม่ รูปประโยคถูกต้องหรือไม่ เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึก และความมุ่งหมายของผู้พูดจากน้ำเสียง และถ้อยคำที่เน้น สามารถประเมินได้ว่าถ้อยคำที่เน้นนั้นสื่อสารความคิดได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ และในการฝึกทักษะการฟังของดิฉันนั้นดิฉันได้ฝึกจากการดูหนังเรื่อง The Avengers ในการดูหนังครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้รู้ถึงสำเนียงที่ถูกต้องและชัดเจน อีกทั้งยังได้รู้ถึงการเน้นคำหรือพยางค์ในประโยคหรือบทสนทนาได้อย่างชัดเจน บางประโยคที่ฟังไม่เข้าใจก็อาศัยจากการดูบริบทหรือท่าทางของนักแสดงก็จะทำให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
                     ทักษะที่สองคือ ทักษะการพูดเป็นพฤติกรรมทางด้านการแสดงออก เนื่องจากคนไทยมิใช่ชนชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ทักษะการพูดภาษาอังกฤษจึงอาจเป็นทักษะที่ดูเหมือนค่อนข้างจะยาก ในด้านของการออกเสียงหรือสำเนียงให้ถูกต้อง แต่หากเรามีความพากเพียรพยายามหมั่นฝึกฝนบ่อย ๆ ก็อาจสามารถทำได้ดีเช่นเดียวกัน แต่ถึงแม้ว่าจะออกเสียงผิดเพี้ยนไปบ้าง เราก็ควรให้ความสำคัญต่อการพยายามสื่อสารให้ได้ความหมายมากที่สุด องค์ประกอบสำคัญ นอกจากเสียงหรือสำเนียงแล้ว ได้แก่ ศัพท์ ไวยากรณ์ ระเบียบวิธีของความสัมพันธ์ระหว่างประโยค ตลอดจนการใช้กริยา ท่าทาง ประกอบในการสื่อสาร ในการฝึกทักษะการพูดนั้นดิฉันได้ฝึกจากการดูหนังเช่นเดียวกับการฝึกทักษะการฟังจากหนังเรื่อง The Adventures และเมื่อดิฉันฟังและรู้สำเนียงที่ถูกต้องแล้วดิฉันเลยได้ต่อยอดในการการฝึกฝนโดยพูดตามประโยคจากตัวละคร ซึ่งทำให้ดิฉันได้มีสำเนียงคล้ายกับชาวต่างชาติและรู้ถึงความหมายคำศัพท์ได้เร็วยิ่งขึ้น เช่น Is everything a joke to you ? ทุกๆอย่างสำหรับคุณเป็นเรื่องขำขันสินะ?
                      ทักษะต่อมาคือ ทักษะการอ่านประสิทธิภาพในการอ่านจะดีขึ้นเมื่อมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์มากขึ้น มีความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้คำ มีความชำนาญในการใช้คำต่าง ๆ เช่น คำนาม กริยาเปลี่ยนรูป วิเศษณ์ บุพบท ฯลฯ มีความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐานของประโยค และไวยากรณ์ อย่างถูกต้อง มีความเข้าใจเรื่องราวที่อ่านอย่างชัดเจน สามารถเข้าใจโครงสร้างของบทความ รู้ตำแหน่งสำคัญของประโยคต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นเรื่องราว ซึ่งได้มาจากการเข้าใจความหมายตามตัวอักษร และความสามารถที่จะติดตามเรื่องที่อ่านอย่างมีลำดับ สามารถที่จะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ของข้อความที่อ่าน ในการฝึกทักษะนั้น ดิฉันๆได้ฝึกจากการอ่านบทความเรื่อง Drinking water before meals help dieting. การดื่มน้ำก่อนอาหารจะช่วยลดน้ำหนักได้ ในบทความก็จะกล่าวถึงผลการวิจัยในสหรัฐอเมริกาที่พบว่าการดื่มน้ำก่อนอาหารจะช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากน้ำไม่มีแคลอรี่และการดื่มน้ำทำให้เรารู้สึกอิ่มได้ Water contains no calories and drinking it makes us fell full.
                     ทักษะสุดท้ายคือ ทักษะการเขียน เป็นทักษะที่ต้องผ่านกระบวนการทางความคิดหลายขั้นตอน ตั้งแต่การรวบรวมความคิด การลำดับเรื่อง และเลือกสรรถ้อยคำในการถ่ายทอดออกมาเป็นข้อความที่สามารถสื่อความหมายได้ตรงความต้องการ ทักษะการเขียนจะต้องอาศัยความเข้าใจโครงสร้างภาษาอย่างถูกต้อง รู้ศัพท์ สำนวน รูปแบบ ประโยค ไวยากรณ์ และเช่นเดียวกับทักษะอื่น ๆ เราจะต้องหมั่นฝึกฝนและหัดเขียนอยู่เสมอ นอกจากนั้นการเขียนและการอ่านเป็นทักษะที่เชื่อมโยงกัน หากเรามีประสบการณ์ในการอ่านมาก ก็จะได้เห็นรูปแบบวิธีเขียน แนวคิดในการสื่อสารของผู้เขียน ซึ่งจะช่วยทำให้มีแบบอย่างสำหรับการเขียน สำหรับตนเองมากขึ้นด้วย ในการฝึกทักษะการเขียนในครั้งนี้ดิฉันได้นำสำนวนภาษาอังกฤษมาฝึกแต่งประโยคเพื่อทำให้ดิฉันรู้และเข้าใจสามารถใช้สำนวนภาษาอังกฤษได้ถูกต้องเช่น In ages เป็นสำนวนซึ่งหมายความว่า เป็นเวลานานมาก แต่งประโยคคือ I have not seen him in ages แปลว่า ฉันไม่ได้เจอเขาเป็นเวลานานมากแล้ว และอีกสำนวน Take it easy แปลว่า พักผ่อน ประโยคคือ I think I will take it easy. ฉันคิดว่าฉันจะพักผ่อน เป็นต้น
                      จากการเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้มีการพัฒนาทักษะทั้ง 4 ด้านมากยิ่งขึ้น ความรู้เหล่านี้ข้างต้นทำให้ดิฉันได้ฝึกฝนและศึกษาพฤติกรรมเกี่ยวกับทักษะต่างๆที่ควรจะรู้เพื่อเป็นตัวช่วยและสามารถต่อยอดการเรียนรู้ได้มากขึ้น ในการฝึกทักษะทั้ง 4 นั้นทักษะแรกที่ดิฉันได้ฝึกคือ ทักษะการฟังซึ่งจะมีพฤติกรรมการฟังอยู่ 5 ระดับด้วยกัน การฝึกทักษะนั้นได้ฝึกฟังจากการดูหนังเรื่อง The Adventure  ทักษะที่สองคือ ทักษะการพูด การพูดจะเป็นพฤติกรรมทางด้านแสดงออก ในการฝึกทักษะนั้นดิฉันเลือกฝึกโดยการพูดประโยคตามตัวละครจากการดูหนังเรื่อง The Adventure  ส่วนทักษะการอ่านนั้นเป็นทักษะที่ต้องรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ มีความเข้าใจและความชำนาญในการใช้คำต่างๆและในการฝึกทักษะ ดิฉันได้ฝึกการอ่านบทความเรื่อง Drinking water before meals help dieting. และทักษะสุดท้ายทักษะการเขียนเป็นทักษะที่ต้องผ่านกระบวนการทางความคิด ซึ่งดิฉันได้ฝึกโดยการแต่งประโยคภาษาอังกฤษ เพื่อจะได้รู้และเข้าใจสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น