Learning Log 3
นอกห้องเรียน
การเรียนรู้ในห้องเรียนในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้และการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้งสี่ด้าน
คือ ทักษะการฟัง การพูด
การอ่านและการเขียน
ทักษะเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างมากในการเรียนภาษาอังกฤษเนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลมมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน
เพราะใช้เป็นภาษาสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศอย่างกว้างขวางและในอนาคตอันใกล้นี้
การเข้าร่วมเป็นสมาชิกประชาคมอาเซียนของประเทศไทยจะทำให้ภาษาอังกฤษมีบทบาทมากยิ่งขึ้นแต่จากการสำรวจพบว่าทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนและนักศึกษาส่วนใหญ่ในประเทศไทยในปัจจุบันนั้นยังมีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำจึงจำเป็นต้องปรับปรุงและพัฒนาอย่างเร่งด่วน
การหาวิธีการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของนักเรียน นักศึกษาไทยให้มีคุณภาพทัดเทียมกับชาติอื่นๆจึงเป็นซึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษทั้ง 4 ด้านของตัวเองในการตั้งใจฝึกฝนการใช้ภาษาเพื่อพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การฝึกทักษะแรกของดิฉันคือ
ทักษะการฟังทักษะการฟังนับว่าเป็นทักษะรับสารที่สำคัญทักษะหนึ่งเป็นทักษะที่ใช้กันมากและเป็นทักษะแรกที่ต้องเรียนรู้เพราะผู้พูดจะต้องฟังให้เข้าใจเสียก่อนจึงจะสามารถพูดโต้ตอบ
อ่านเขียนได้ ทักษะการฟังเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญในการเรียนรู้ทักษะด้านอื่นๆ
และสำหรับการฝึกฟังของดิฉันนั้น ดิฉันได้ฝึกการแยกเสียงภาษาอังกฤษที่คล้ายกันจากwww.learningenglishfeelgood.com ซึ่งเป็นการฝึกฟังเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่คล้ายๆกันจากเสียงเจ้าของภาษาโดยตรง
จะมีให้เลือกหลากหลายบทเรียนแต่ละบทจะมีคำศัพท์ที่คล้ายกันอยู่มาก
ดิฉันจะต้องฟังอย่างตั้งใจมีสมาธิเพื่อที่จะแยกเสียงให้ออกว่าคำศัพท์เหล่านั้นเป็นคำไหน
เมื่อดิฉันฟังเสร็จแล้วก็จะมีช่องว่างให้เขียนคำศัพท์ที่เราได้ยินลงไป
ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีเพราะดิฉันสามารถตรวจสอบตัวเองได้เป็นอย่างดีในการฝึกทักษะการฟังของดิฉันว่าดิฉันมีระดับการฟังอยู่ในระดับใดเพื่อสามารถพัฒนาและต่อยอดทักษะการฟังของตัวเองได้ในระดับถัดไป
การฝึกทักษะต่อมาของดิฉันคือ
ทักษะการพูดซึ่งดิฉันได้เรียนรู้เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษให้คล่องคือ 1.
พยายามอย่ากังวลเรื่องแกรมม่ามากเกินไปแต่เราก็ต้องรู้แกรมม่าพื้นฐานที่จำเป็นอยู่ด้วย
ในการใช้ tense นั้นถ้าเป็นอนาคตใช้ future ปัจจุบันจะใช้ present และอดีตจะใช้ past แต่ถ้าเกิดความกังวลแล้วคิดไม่ออกก็ใช้
present ให้หมด 2.
เวลาจำคำศัพท์ให้จำเป็นวลี phrase หรือประโยค sentence
อย่าพยายามจำเป็นคำเพราะบางทีเราทราบความหมายของคำแต่พอถึงเวลาพูดเรากลับไม่รู้ว่าคำศัพท์นี้ใช้อย่างไร 3. พยายามไม่แปลหรือถอดคำจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษและพยายามเรียนรู้สำนวนให้ได้มากที่สุด 4. พยายามทำแวดล้อมของตัวเองด้วยการพูดภาษาอังกฤษได้มากที่สุด
หากเราไม่ทำเช่นนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้ฝึกพูดเลย
ถึงแม้ว่าจะอ่านและฟังมากแค่ไหนหากเราปราศจากการฝึกและทดลองพูดแล้วย่อมไม่สามารถพูดได้
ในการฝึกพูดของดิฉันนั้นดิฉันได้ฝึกพูดโดยการหัดพูดคนเดียวเป็นภาษาอังกฤษก่อนโดยที่พูดในสิ่งที่ตนเองได้ทำมาในแต่ละวัน
การฝึกอีกทักษะของดิฉันคือ ทักษะการอ่าน
การอ่านภาษาอังกฤษนั้นมี 2 ลักษณะคือ
การอ่านออกเสียง Reading aloud และการอ่านในใจ Silent
Reading การอ่านออกเสียงเป็นการอ่านเพื่อฝึกความถูกต้องและความคล่องแคล่วในการออกเสียง
ส่วนการอ่านในใจนั้นเป็นการอ่านเพื่อรับรู้และทำความเข้าใจในสิ่งที่อ่าน
ซึ่งเป็นการอ่านที่มีจุดมุ่งหมาย เช่นเดียวกับการฟังต่างกันที่
การฟังใช้การรับรู้จากเสียงที่ได้ยินในขณะที่การอ่านจะใช้การรับรู้จากตัวอักษรที่ผ่านสายตา
ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่สามารถฝึกฝนให้ผู้เรียนเกิดความชำนาญและมีความสามารถเพิ่มพูนขึ้นได้
ซึ่งในการฝึกทักษะการอ่านของดิฉันนั้น
ดิฉันได้ฝึกโดยการทำแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ Reading for main
idea exercises จากเว็บไซต์ www.skoolbuz.com
การฝึกทักษะการอ่านครั้งนี้สามารถทำให้ดิฉันรู้ระดันการอ่านของตัวเองได้
เนื่องจากเป็นการทำแบบทดสอบในการทำแบบทดสอบนั้นทำให้ดิฉันได้รับทักษะมากขึ้นและพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้น
การฝึกทักษะสุดท้ายของดิฉันคือ ทักษะการเขียน การเขียนคือ การสื่อสารให้ผู้อื่นได้เรียนรู้ด้วยข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษร
มีจุดมุ่งหมายเพื่อถ่ายทอดความคิดของผู้ส่งสารคือผู้เขียนไปสู่ผู้รับสารคือผู้อ่าน
กระบวนการสอนทักษะการเขียนยังจำเป็นต้องเริ่มจากการสร้างระบบในการเขียนจากความถูกต้องแบบควบคุมได้
Controlled writing ไปสู่การเขียนแบบควบคุมน้อย
Less controlled writing อันจะนำไปสู่การเขียนแบบอิสระ Free
writing ได้ในที่สุด
จึงจะเกิดการเขียนที่มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับทักษะการเขียนไวยากรณ์นั้นเป็นสิ่งสำคัญมากและเป็นปัจจัยที่จะช่วยให้การเขียนชัดเจนรวมทั้งเป็นเครื่องมือที่แสดงให้เห็นถึงระดับความสามารถในการเขียนของผู้เขียนได้อีกด้วย
ในการฝึกเขียนของดิฉันนั้น
ดิฉันได้ฝึกโดยการเริ่มเขียนเรื่องราวของตัวเองจากเรื่องที่ง่ายๆ
และใกล้ก่อนโดยการเขียน diary เป็นของตัวเองซึ่งดิฉันพยายามเขียนให้ถูกต้องตามหลักการเขียนให้ได้มากที่สุด
เพื่อพัฒนาและต่อยอดทักษะการเขียนของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ในการเรียนภาษานั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเข้าใจทักษะทางภาษาทั้ง 4 นั่นก็คือ ทักษะการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน
สองอย่างแรกคือ การฟังกับการพูด ซึ่งเป็นสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมากที่สุด
คือ เราต้องสื่อสาร รับสารกับผู้คนทั่วโลกเมื่อเราฟังและพูดเป็นประจำ
ทักษะในการใช้ภาษาทางการฟังและการพูดของเราก็จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆและเราก็สามารถใช้ได้อย่างอัตโนมัติ
โดยไม่ต้องกังวลแต่เราฟังและพูดไปอย่างไม่มีหลักการโดยไม่คำนึงถึงเรื่องของการเขียนและการอ่านทักษะการเขียนและการอ่านของเราก็จะบกพร่องไปอย่างแน่นอน
ในการเขียนนั้นเราก็จะต้องเขียนให้ถูกต้องตามโครงสร้างประโยค ตามไวยากรณ์ของภาษา
ส่วนการอ่านนั้นเราก็ต้องอ่านให้ถูกต้องตามสำเนียงการออกเสียง
และออกเสียงตามความเข้าใจเพื่อให้รู้ว่าเรามุ่งหมายถึงคำไหน
มีวิธีการสะกดอย่างไรและเมื่อเราเห็นความสำคัญของการใช้ภาษาอังกฤษเหล่านี้แล้วเราก็จะเกิดการเรียนรู้ขึ้นโดยสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและคงทนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น