Learning Log 6
นอกห้องเรียน
การเรียนรู้ในห้องเรียนครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับ
วิธีการเรียนภาษาอังกฤษที่ประกอบด้วย 3 ส่วนคือ การเพิ่มทักษะการพูด การฝึกทักษะการเขียนและอ่านภาษาอังกฤษ
สิ่งที่ควรทำในภาษาอังกฤษเนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่เหมาะสมอย่างมากในการเรียนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
การท่องเที่ยวหรือเหตุผลอื่นๆ แต่การเรียนภาษาอังกฤษนั้นต้องใช้ความขยัน
ความตั้งใจและไม่เขินอายที่จะพูดหรือเขียนภาษาอังกฤษ
แม้ว่าอาจจะผิดไวยากรณ์ไปบ้างนิดหน่อย
ซึ่งในปัจจุบันภาษาอังกฤษเริ่มจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆในชีวิตประจำวัน
เพราะฉะนั้นการที่เราสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้นั้น ย่อมทำให้เราได้เปรียบคนอื่นๆ
สำหรับการเรียนรู้ในครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ส่วน 1 ของ 3 จากวิธีการเรียนภาษาอังกฤษ
นั่นก็คือทักษะการพูดซึ่งจะมีอยู่ 5วิธีด้วยกันดังนี้
วิธีที่ 1
ลองฝึกพูดภาษาอังกฤษวันละน้อยทุกๆวัน วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนภาษาคือการพูดภาษานั้น
ๆ ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มพูดและรู้ศัพท์เพียงเล็กน้อยหรือค่อนข้างพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว
การพูดภาษาอังกฤษกับคนอื่นเป็นวิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด อย่ารอจนกว่าจะรู้สึกพร้อมที่จะพูดภาษาอังกฤษเพราะมักจะไม่รู้สึกแบบนั้นถ้าเพิ่งหัดพูด
สิ่งที่ควรทำคือหัดพูดภาษาอังกฤษตั้งแต่วันนี้ แล้วจะแปลกใจเมื่อได้เห็นว่าทักษะภาษาอังกฤษของพัฒนาไปได้ขนาดไหน ลองหาชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ดูสักคน
โดยหาคนที่สามารถให้เวลากับในการฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ อาจจะเสนอว่า จะช่วยสอนภาษาไทยให้เขาเป็นการตอบแทน
แล้วก็อาจจะผลัดกันฝึกภาษาอย่างเช่น พูดคุยกันเป็นเวลา 30 นาทีด้วยภาษาอังกฤษ
จากนั้นก็คุยกันด้วยภาษาไทยในอีก 30 นาทีต่อมา หากอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว อาจจะลองฝึกพูดโดยเริ่มจากบทสนทนาง่าย
ๆ กับคนที่พบเจอ อย่างเช่น การคุยกับพนักงานในร้านขายของหรือถามทางกับคนแปลกหน้า
วิธีที่ 2 ฝึกการอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง แม้ว่าอาจจะเข้าใจภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งแล้วเพราะรู้ไวยากรณ์ที่ถูกต้องและรู้ศัพท์มากมาย
แต่ฝรั่งก็อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่พูดหากยังออกเสียงได้ไม่ถูกต้องดังนั้น
การออกเสียงให้ชัดเจนก็เป็นสิ่งจำเป็นถ้าต้องการเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษ
ลองฟังว่าฝรั่งออกเสียงคำแต่ละคำว่าอย่างไรแล้วพยายามเลียนแบบเสียงที่ได้ยินให้ได้ใกล้เคียงที่สุด สังเกตเสียงพยัญชนะหรือสระที่ไม่คุ้นเคยเพราะเสียงนั้นไม่มีในภาษาไทย
อย่างเช่น หลายคนมีปัญหาในการออกเสียง “r” เพราะเสียงนี้ไม่มีในภาษาไทย
หรือบางคนก็อาจจะมีปัญหากับเสียงจากพยัญชนะควบ “th” ทั้งนี้การออกเสียงคำภาษาอังกฤษบางคำอาจจะออกเสียงได้หลายแบบโดยขึ้นอยู่กับสำเนียงนั้น
ๆ เช่น สำเนียงของคนอเมริกัน สำเนียงของคนอังกฤษ เป็นต้น หากจะไปเที่ยวหรืออยู่ที่ประเทศดังกล่าว
ควรรู้วิธีในการออกเสียงคำต่าง ๆ ในสำเนียงนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน
วิธีที่
3 จดจำและเรียนรู้ศัพท์รวมไปถึงสำนวนต่าง ๆ (Idiom) ในภาษาอังกฤษ ยิ่งรู้ศัพท์และสำนวนเหล่านี้มากเท่าไหร่
การพูดภาษาอังกฤษของก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่า
วิธีหนึ่งในการจดจำและเรียนรู้สำนวนต่าง ๆ ก็คือ การพูดคุยกับฝรั่ง ซึ่งจะทำให้สามารถใช้ศัพท์และสำนวนได้อย่างถูกต้องและฟังดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ อาจจะลองฝึกจากการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
การดูทีวีและการฟังข่าวเป็นภาษาอังกฤษก็ได้เช่นกัน เมื่อเรียนรู้ศัพท์หรือสำนวนใหม่ ๆ ควรลองแต่งประโยคจากคำหรือสำนวนนั้น
ๆ เพราะการแต่งประโยคเป็นวิธีที่ช่วยให้จำคำหรือวลีเหล่านั้นได้ดีที่สุด อีกวิธีหนึ่งในการจดจำศัพท์คือ การแปะป้ายคำศัพท์ไว้ในสิ่งต่าง ๆ
รอบบ้าน เมื่อใช้สิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้ ก็จะเห็นคำศัพท์ของสิ่งของนั้น ๆ
แล้วก็จะจำได้ในที่สุด ลองหาสมุดเปล่าซักเล่มมาจดสำนวนภาษาอังกฤษต่าง
ๆ ที่ฝรั่งใช้เป็นประจำ อย่างเช่น สำนวนที่ว่า “It’s
raining cats and dogs.” แปลว่าฝนตกหนัก หรือ “cloud nine” ที่แปลว่ามีความสุขมาก
หรือการเปรียบเทียบสิ่งต่าง ๆ ว่า “a piece of
cake” ซึ่งแปลว่าสิ่งนั้นง่ายมาก การใช้สำนวนเหล่านี้ในบทสนทนาบ้างจะช่วยให้ภาษาอังกฤษของดูดีและเป็นธรรมชาติขึ้น
วิธีที่ 4 สมัครเรียนภาษาอังกฤษที่สอนให้หัดพูดเป็นกลุ่มการเข้าเรียนทำให้เราได้หัดพูดภาษาอังกฤษเป็นประจำ นอกจากนี้ การเรียนคอร์สภาษาอังกฤษก็เป็นวิธีที่ดีในการหัดพูดภาษาอังกฤษให้ถูกต้อง
ในห้อง ครูจะสอนให้พูดได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์และมักจะสอนโครงสร้างไวยากรณ์ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ง่าย
ๆ การจับกลุ่มหัดพูดภาษาอังกฤษเป็นอีกวิธีที่ทำให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษได้
โดยวิธีนี้จะเน้นให้สามารถสื่อสารได้เข้าใจมากกว่าเน้นเรื่องความถูกต้องของไวยากรณ์
แต่การหัดพูดด้วยวิธีนี้จะทำให้กล้าพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนอื่นได้มากขึ้น การเรียนภาษาอังกฤษวิธีดังกล่าวนั้นมีข้อดีและข้อเสียต่างกันออกไป
แต่ถ้าเป็นไปได้ควรลองเรียนทั้งสองแบบ เพราะเราจะได้รู้ถึงวิธีเรียนที่เหมาะสมกับเรา
วิธีที่ 5 พกพจนานุกรมติดตัวตลอดเวลา (โดยจะพกพจนานุกรมแบบเล่มหรือดาวน์โหลดพจนานุกรมลงในมือถือของก็ได้) การพกพจนานุกรมจะช่วยให้ไม่ติดกับคำศัพท์
ซึ่งจะช่วยให้ไม่ต้องอายเวลาที่กับฝรั่งแล้วลืมคำศัพท์ไป เพราะสามารถค้นหาความหมายของศัพท์นั้นได้ทันที นอกจากจะช่วยให้ไม่รู้สึกเคอะเขินแล้ว การค้นหาความหมายของศัพท์แล้วนำไปใช้ในประโยคทันทีจะช่วยให้สามารถจำคำศัพท์นี้ได้ด้วย การพกพจนานุกรมยังช่วยให้สามารถท่องศัพท์ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะเมื่อมีเวลาวางระหว่างวัน
เช่น ระหว่างที่นั่งรถกลับบ้าน ระหว่างรอสัญญาณไฟข้ามถนนหรือระหว่างที่คุณจิบกาแฟยามเช้า
สามารถจำศัพท์เพิ่มได้มากถึง 20-30
คำต่อวันเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ
ควรใช้พจนานุกรมที่แปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยก่อน แต่เมื่อเริ่มมีทักษะด้านภาษาอังกฤษมากขึ้นแล้ว
ควรเปลี่ยนมาใช้พจนานุกรมแบบแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษ
ซึ่งจะแปลคำภาษาอังกฤษด้วยคำอธิบายความหมายของคำนั้นด้วยภาษาอังกฤษ
สำหรับการฝึกทักษะการพูดของดิฉันนั้น
ดิฉันได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษทีละน้อยๆ โดยพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษปะปนอยู่กับประโยคภาษาอังกฤษ
จะฝึกพูดด้วยการหัดพูดกับเพื่อน
และพยายามที่จะต่อยอดให้พูดภาษาอังกฤษได้ทั้งประโยค
ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สามารถทำได้ทุกวัน และสิ่งสำคัญของการพูดอีกอย่างหนึ่งคือ
ต้องออกเสียงให้ถูกต้อง ซึ่งดิฉันพยายามฝึกออกเสียงให้ถูกต้องจากการฟังเสียงของเจ้าของภาษาโดยตรง
แล้วเลียนแบบเสียงให้เหมือนที่สุด
แล้วนำเอาคำศัพท์ที่ออกเสียงถูกต้องแล้วไปพูดเป็นประโยคเพื่อให้ชาวต่างชาติเข้าใจในสิ่งที่ดิฉันพูดมากขึ้น
และดิฉันพยายามฝึกจดจำคำศัพท์และสำนวนต่างๆ
ในภาษาอังกฤษจากอินเตอร์เน็ตมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้คำศัพท์ใหม่ๆและเรียนรู้สำนวนต่างๆในสถานการณ์ต่างๆได้อย่างเข้าใจยิ่งขึ้น
จากการเรียนรู้นอกห้องเรียนครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับ ส่วน 1 ของ 3:
จากวิธีการเรียนภาษาอังกฤษ นั่นก็คือ การเพิ่มทักษะการพูด ซึ่งจะมีอยู่ 5 วิธีด้วยกัน และแต่ละวิธีก็จะบอกถึงวิธีการฝึกทักษะการพูดในรูปแบบต่างๆ
เช่น การฝึกพูดภาษาอังกฤษวันละน้อยทุก ๆ วัน การฝึกการอ่านออกเสียงให้ถูกต้อง การจดจำและเรียนรู้ศัพท์รวมไปถึงสำนวนต่าง
ๆ (Idiom) ในภาษาอังกฤษ การสมัครเรียนภาษาอังกฤษที่สอนให้หัดพูดเป็นกลุ่ม และการพกพจนานุกรมติดตัวตลอดเวลา
ซึ่งวิธีการฝึกทักษะการพูดเหล่านี้จะทำให้เรามีพัฒนาการทางการพูดภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น
และสามารถต่อยอดให้เราพัฒนาทักษะด้านอื่นๆในภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้นตามไปด้วย
เพราะในปัจจุบันภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งในการมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น