วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log 4 นอกห้องเรียน


Learning Log 4
นอกห้องเรียน
                   การเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการฝึกทักษะการอ่าน reading skill โดยทั่วไปผู้ที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศนั้น ต้องใช้ความอุสาหะและความพยายามเป็นอย่างมากในการทำความเข้าใจเนื้อเรื่องที่อ่าน นอกจากนี้เมื่ออ่านน้อยวิธีอ่านที่ใช้ก็มักด้อยประสิทธิภาพด้วยในทางตรงกันข้ามผู้ที่อ่านหนังสืออยู่เสมอจะมีพัฒนาการในการอ่านดีกว่า ตลอดจนสามารถใช้ทักษะและกลวิธีการอ่านอย่างมีประสิทธิภาพกว่า การอ่านเป็นประจำมีประโยชน์ต่อการฝึกทักษะและความคล่องแคล่วในการอ่าน รวมทั้งเกิดความเพลิดเพลินแก่ผู้อ่าน ทั้งนี้เพราะการอ่านเป็นกิจกรรมที่ใช้ทักษะและความชำนาญ ดังนั้นการฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษจึงมีความสำคัญที่จะช่วยให้ผู้อ่านนำข้อมูลที่ได้ไปแก้ปัญหาต่างๆและความสำคัญอีกประการหนึ่งที่กล่าวในหัวข้อต่อไปก็คือ การเรียนรู้ทักษะการอ่านแบบต่างๆ ได้แก่ การอ่านแบบ skimming , scanning และ speed reading ซึ่งวิธีการอ่านเหล่านี้มีความจำเป็นต่อผู้อ่านที่จะช่วยให้ผู้อ่านเกิดการเรียนรู้และเลือกใช้ตามความเหมาะสม
                  การอ่านแบบ skimming คือการอ่านข้อความอย่างเร็วๆ เป็นจุดๆเช่น อ่าน 2-3 คำแรก หรือ 2-3 ประโยคแรกแล้วข้ามไปอ่านข้ามเป็นประโยคหรือเป็นบรรทัดหรืออ่านเฉพาะประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละย่อหน้าหรืออ่านเฉพาะวลีที่สำคัญๆ การอ่านแบบนี้มีจุดมุ่งหมายหลัก 2 ประการคืออ่านเพื่อเก็บประเด็นประเด็นหรือเก็บใจความสำคัญและอ่านเพื่อเก็บรายละเอียดที่สำคัญบางอย่าง การอ่านแบบ skimming มีประโยชน์ที่จะช่วยประหยัดเวลาในการอ่านเพราะช่วยให้ผู้อ่านอ่านเรื่องต่างๆได้เร็วขึ้นและเข้าใจ ใจความสำคัญที่อ่านโดยไม่ต้องอ่านรายละเอียดทั้งเรื่อง โดย skimming reading มีหลักการอ่านดังนี้ 1. อ่านชื่อเรื่อง, หัวเรื่อง, และหัวข้อต่างๆ เพื่อหาว่าบทความนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องใด 2. ดูภาพประกอบเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ 3. อ่านประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของทุกย่อหน้า 4. อย่าอ่านทุกคำ ทุกประโยคใช้สายตากวาดไปทั้งบทความแล้วเลือกคำสำคัญต่างๆ 5. พิจารณาถึงความหมายของคำต่างๆ ที่เลือกมา
                 การอ่านแบบต่อมาคือ การอ่านแบบ scanning จะเป็นวิธีการหาข้อมูลเฉพาะเช่น ตัวเลข วันที่ สถานที่ ชื่อคน เป็นต้น จะเป็นข้อมูลที่ปรากฏให้ผู้อ่านเห็นได้อย่างชัดเจนในบทอ่าน ซึ่งถ้าในคำถามถามถึงสถานที่ก็ให้กวาดสายตาไล่ดูแต่คำที่หมายถึงสถานที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่เฉพาะ เป็นชื่อเฉพาะดังนั้นต้องขึ้นด้วยอักษรพิมพ์ใหญ่แน่นอน เทคนิคการอ่านแบบ scanning มี 6 ข้อดังนี้ 1. อย่าพยายามอ่านทุกคำ ให้ใช้สายตาอ่านไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งหน้าจนเจอสิ่งที่เราต้องการหา 2. ใช้นัยต่าง ๆ บนหน้านั้น ๆ เช่น หัวข้อ และชื่อเรื่องช่วยในการอ่าน 3. ในพจนานุกรม หรือสมุดโทรศัพท์ ใช้คำใน หัวข้อเพื่อช่วยในการมองหา เราสามารถมองหาคำเหล่านี้ได้จากตัวหน้าที่ส่วนบนของทุกหน้า 4. ถ้าเราอ่านเพื่อศึกษา ,เพื่อการเรียน , เริ่มต้นโดยการคิดถึง และเขียนคำถามที่เราต้องการหาคำตอบก่อน ซึ่งจะทำให้เราสามารถโฟกัสไปที่สิ่งที่การหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อตอบคำถามนั้น ๆ ได้ง่ายขึ้น 5. ทำให้บทความต่าง ๆ สามารถหาได้ง่ายขึ้น โดยอาจเรียงตามตัวอักษร ใช้ดัชนีท้ายหนังสือในการช่วยค้นหา 6. มีหลายวิธีในการฝึกทักษะการ Scan ได้ เช่นการค้นหาเบอร์โทรศัพท์ร้านอาหารต่างๆในสมุดหน้าเหลือง เป็นต้นทักษะการอ่านสองอย่างข้างต้น
                    การอ่านแบบสุดท้าย คือการอ่านแบบ speed reading คือการฝึกอ่านให้เร็วทำได้โดยการนำเอาเทคนิคการอ่านแบบ skimming reading มาปรับใช้นั้นคือ อ่านไปเรื่อยๆ หากคำใดไม่เข้าใจให้พิจารณาความหมายของคำนั้นๆ จากบริบทต่างๆแทนการเปิดพจนานุกรม ซึ่งจะทำให้เสียเวลาและสร้างความเบื่อหน่ายให้แก่เราได้ นอกจากนี้เราควรอ่านในซึ่งที่เราสนใจเพื่อให้ผู้อ่านไม่เกิดความเบื่อหน่ายอย่างงที่กล่าวมาข้างต้น หนังสืออ่านเล่นในภาษาอังกฤษมักจะมีการแบ่งอายุผู้อ่านไว้ก่อนแล้ว การเลือกซื้อจึงไม่ยากให้พิจารณาก่อนว่าภาษาอังกฤษของเราอยู่ในระดับใดหรือไปลองการคร่าวๆก่อน ว่าเราอ่านรู้เรื่องเข้าใจหรือไม่การเลือกเรื่องควรเป็นเรื่องที่เราอ่านแล้วเข้าใจอย่างน้อย 70 % เพื่อไม่ให้เราเบื่อหน่ายกับการอ่านสิ่งที่ไม่เข้าใจมากจนเกินไป และเป็นการทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีก 30 %หลังจากนั้น
                   จากการที่ดิฉันได้เรียนรู้ถึงวิธีการอ่านภาษาอังกฤษข้างต้นนี้ ทำให้ดิฉันได้รู้ถึงวิธีการอ่านที่ถูกต้องและเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งวิธีเหล่านี้เป็นการพัฒนาในด้านทักษะการอ่านของดิฉันเพิ่มมากขึ้น โดยดิฉันเริ่มฝึกฝนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษที่ง่ายและใกล้ตัว เช่น อ่านป้ายป้ายโฆษณา หรือ Billboard ต่างๆ ตามข้างถนนที่เห็นโดยทั่วไป ลองอ่านและทำความเข้าใจว่าคำต่าง ๆ ว่าโฆษณานั้น ๆ พยายามสื่ออะไร อ่านข้อความสั้นและเริ่มอ่านบทความที่ยาวขึ้น เช่น อ่านข่าวสาร บทความในหนังสือพิมพ์ภาษา อังกฤษ โดยอาจเริ่มจากระดับที่ไม่สูงมากนัก เช่น Student weekly เป็นต้น อ่านนิตยสารภาษาอังกฤษเช่น Hello, Elle เป็นต้น อ่านนวนิยายหรืออ่านการ์ตูนโดยเริ่มจากระดับที่ง่ายๆก่อนเพื่อให้เกิดความเข้าใจและความเพลิดเพลินในการอ่าน ซึ่งจะนำไปสู่นิสัยรักการอ่าน สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การอ่านง่ายขึ้นสำหรับตัวดิฉันคือ เราจะต้องรู้คำศัพท์เยอะๆเข้าใจบริบทและโครงสร้างของประโยคว่าต้องการอะไร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านมากยิ่งขึ้น และจะได้เกิดความชำนาญได้ต่อไป
                   สำหรับวิธีการอ่านภาษาอังกฤษง่ายๆนั้นมีอยู่ 3 อย่างคือ skimming , scanning และ speed reading เราสามารถฝึกทักษะเหล่านี้และเลือกใช้ตามความเหมาะสมเพื่อการอ่านที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การอ่านแบบ Skimming reading เป็นการอ่านแบบคร่าว ๆ ผิวเผิน เป็นการอ่านเพียงเพื่อให้ทราบว่าเรื่องนี้ บทความนี้ พูดถึงเรื่องอะไร มีภาพรวมอย่างไร ส่วน Scanning reading เป็นการอ่านเพื่อหาข้อมูลเฉพาะจากบทความนั้น ๆ ดังนั้น Skim และ Scan จึงเป็นทักษะการอ่านที่จำเป็นในการสอบ หรือเมื่อมีเวลาจำกัด วิธีการทั้งสองอย่างนี้ จำเป็นต้องมีการฝึกฝน เพื่อให้เกิดความชำนาญ เนื่องจากทักษะการอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญในการแสวงหาความรู้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการศึกษา การเจรจาต่อรองและการประกอบอาชีพทักษะการอ่านจึงเป็นทักษะที่สำคัญในการศึกษาทุกระดับ การเรียนวิชาต่างๆ ทั้งในและนอกห้องเรียนต้องใช้การอ่านเป็นสื่อในการเรียนรู้ ในการแสวงหาความรู้ทั้งปวง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น