วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log 8 นอกห้องเรียน


Learning Log 8
นอกห้องเรียน
                   การเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้ดิฉันได้เรียนรู้เรื่อง ส่วน 3 ของ 3: สิ่งที่ควรทำในการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งดิฉันได้ต่อยอดการเรียนรู้มาจากสัปดาห์ที่แล้วในหัวข้อเรื่อง ส่วน 1 ของ 3: การเพิ่มทักษะในการพูด และ ส่วน 2 ของ 3: การฝึกทักษะการฟัง เขียนและอ่านภาษาอังกฤษ การเรียนรู้ในครั้งนี้ก็เป็นหัวข้อสุดท้ายของวิธีการเรียนภาษาอังกฤษ การเรียนการสอนภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพนั้นต้องไม่จำกัดวงแคบอยู่แต่ในเฉพาะห้องเรียน  แต่การเรียนการสอนจะต้องเสริมด้วยการสร้างระบบและสิ่งแวดล้อมที่สามารถเปิดโอกาสให้ผู้เรียนฝึกฝนทักษะการใช้ภาษาต่างๆ เพิ่มเติมให้มากที่สุดตามความสนใจ ตามระดับความสามารถ และตามความต้องการของผู้เรียน ซึ่งเทคนิคต่างๆในการเรียนภาษาอังกฤษก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้เราได้เรียนรู้ได้เร็วยิ่งขึ้นและเมื่อเราทราบเทคนิคต่างๆแล้ว เราก็ควรทราบถึงสิ่งที่เราควรทำในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษดังประเด็นต่อไปนี้

                        ประเด็นแรก คือ สิ่งสำคัญในการเรียนภาษาใหม่ ๆ คือ ความกระตือรือร้นกับการเรียนภาษานั้น ๆ อยู่เสมอ ตั้งเป้าหมายในการเรียนภาษาแล้วยึดมั่นในเป้าหมายนั้นโดยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เราจะได้อะไรบ้างจากการเรียนภาษาหรือเราเรียนภาษาไปเพื่ออะไร นึกถึงเป้าหมายเพื่อผลักดันตนเองในการเรียนภาษาต่อไป เช่นเราสามารถนำทักษะภาษาอังกฤษนี้ไปใช้กับประเทศต่าง ๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ทำให้เราได้เพื่อนใหม่ ๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ ๆ และยังอาจจะทำให้เรามีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพของเราอีกด้วย
                        ประเด็นที่สอง คือ หมั่นฝึกฝนภาษาอังกฤษเป็นประจำจะช่วยให้เราใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วได้ในเวลาไม่นานโดยเฉพาะเมื่อฝึกทุกวันการเรียนภาษาให้ได้ผลนั้นขึ้นอยู่กับการใช้ภาษาบ่อย ๆ หากเราไม่ได้ทบทวนนานๆ เราจะลืมสิ่งที่เราเรียนไปเมื่อครั้งก่อนๆแล้วต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง ซึ่งเป็นการเสียเวลา ทั้งนี้เราก็ควรจะเปลี่ยนวิธีการทบทวนภาษาอังกฤษบ้าง เพื่อที่จะได้ไม่เบื่อเสียก่อน อย่างเช่นจัดเวลาในการทบทวนในแต่ละวันด้วยวิธีต่าง ๆ โดยวันแรกอาจจะทบทวนโดยการอ่าน วันถัดมาเป็นการฟัง วันที่สามเป็นการฝึกเขียนและวันที่สี่ทบทวนไวยากรณ์ เป็นต้น แต่เราก็ไม่ควรลืมเรื่องการพูดด้วยเพราะการพูดเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดของภาษา ดังนั้นเราควรฝึกพูดทุกครั้งที่มีโอกาส
                        ประเด็นที่สาม คือ ฝึกให้ตัวเองคิดเป็นภาษาอังกฤษจะช่วยให้เราใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นธรรมชาติมากขึ้นการต้องแปลภาษาไทยไปเป็นภาษาอังกฤษและแปลกลับจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้เราเหนื่อยและเสียเวลา ทุกภาษามีลักษณะเฉพาะเสมอ ซึ่งทำให้การแปลแบบตรงตัวนั้นไม่สามารถทำได้ตลอดเวลา ดังนั้นทางออกก็คือการคิดเป็นภาษาอังกฤษตั้งแต่ต้นซึ่งจะทำให้เราพูดและเขียนภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยคิดเป็นภาษาอังกฤษทุกครั้งที่เราต้องใช้ภาษาอังกฤษ
                       ประเด็นต่อมา คือ หาเพื่อนเป็นฝรั่ง วิธีทดสอบที่ดีที่สุดในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษก็คือ ให้เราไปนั่งฟังบทสนทนาระหว่างฝรั่งด้วยกันเอง แล้วดูว่าเราเข้าใจบทสนทนานั้นมากน้อยแค่ไหนลองหาเพื่อนฝรั่งหลาย ๆ คนแล้วพาไปตามสถานที่ที่เหมาะแก่การพูดคุย อย่างเช่น ตามร้านอาหารหรือในห้างสรรพสิค้า การทำแบบนี้จะทำให้เราต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อที่จะคุยกับเพื่อนของเรา แต่การฝึกจะไม่น่าเบื่อเพราะเราจะได้สังสรรค์กับเพื่อนไปด้วย
                        และประเด็นสุดท้าย คือ อย่ากลัวที่จะผิด อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการเรียนภาษาใหม่ ๆ ก็คือ ความกลัวที่จะพูดหรือเขียนผิด นอกจากความกลัวนี้จะไม่ช่วยพัฒนาทักษะใดๆแล้วยังทำให้เราใช้ภาษานั้นได้ไม่ดีอีกด้วยจำไว้ว่าเราทุกคนย่อมผิดกันได้เมื่อเรียนภาษาใหม่ๆเราคงจะประสบกับเหตุการณ์ที่น่าอายบ้างเวลาที่เราพูดคำหยาบหรือพูดผิดโดยไม่ตั้งใจ แต่เหตุการณ์เหล่านี้นี่เองที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเรียนภาษาเป็นสิ่งที่สนุกและจำไว้เสมอว่าเราไม่ได้ตั้งเป้าให้เราพูดภาษาอังกฤษได้ถูกต้องและใช้ภาษาได้เหมือนเจ้าของภาษาตลอดเวลา เราเน้นไปที่ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ภาษาของเรา ความผิดพลาดเป็นบทเรียนสำหรับการเรียนรู้ ซึ่งจะทำให้เราได้พัฒนาการใช้ภาษาของเรามากขึ้น
                          จากการที่ดิฉันได้เรียนรู้สิ่งที่ควรทำในการเรียนภาษาอังกฤษในครั้งนี้แล้ว ทำให้ดิฉันได้ทราบวิธีปฏิบัติในการเรียนภาษา เทคนิคและการกระตุ้นตัวเองให้เรียนภาษาอังกฤษได้เร็วขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวช่วยอย่างดีที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและควรฝึกอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ควรฝึกให้ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อจะได้ไม่เบื่อหน่ายกับการฝึกฝน การใช้ภาษาอังกฤษในทักษะต่างๆซึ่งนับว่าเป็นวิถีทางหนึ่งที่จะช่วยให้การพัฒนาตนเองของผู้เรียนในการปฏิบัติจริงและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนทางภาษา  โดยสามารถเลือกเรื่อง หัวข้อ ทักษะ และรูปแบบกิจกรรมที่มีอยู่อย่างหลากหลายได้ตามความสนใจและความต้องการ และสำหรับการฝึกทักษะของดิฉันครั้งนี้ ดิฉันได้ฝึกทักษะดังต่อไปนี้
                           ทักษะการอ่านในการฝึกทักษะการอ่านนั้น ดิฉันได้ฝึกอ่านคำย่อภาษาอังกฤษ ซึ่งเรามักจะเห็นคำย่อภาษาอังกฤษมากมายในชีวิตประจำวัน บางคำก็ได้ยินและใช้บ่อยมากจากความเคยชินแต่บางทีเราอาจไม่รู้อยู่เลยว่ามันย่อมาจากอะไร ดังนั้นถ้าเรารู้ความหมายก็จะใช้คำย่อพวกนี้ได้ดีมากขึ้นในหลากหลายสถานการณ์มากขึ้น ตัวอย่างคำย่อที่ดิฉันได้อ่านมาเช่น ASAP คำนี้มักจะถูกใช้บ่อยเวลาพิมพ์ในการแชท ย่อมาจาก as soon as possible เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช่น Your report is overdue. ,  Please hand it in  ASAP. FYI เป็นคำย่อที่มักจะเห็นได้บ่อยในการโต้ตอบอีเมลล์ในที่ทำงาน ย่อมาจาก for your information บอกให้คุณรู้ไว้ เช่น FYI, tomorrow I will be going on a business trip for three month. เป็นต้น
                           ทักษะการฟังในการฝึกทักษะการฟังของดิฉันในครั้งนี้ ดิฉันได้ฝึกฟังเพลงสากล คือเพลง You are not alone ของ The Eagles ในการฝึกนั้นทำให้ดิฉันได้ฝึกฟังสำเนียงที่ถูกต้องและดิฉันยังได้ฝึกออกเสียงตามได้อย่างถูกต้องเช่นกัน อีกทั้งยังได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆได้เป็นอย่างดี และดิฉันยังได้ลองฝึกแปลประโยคจากเพลงทำให้ดิฉันเข้าใจเนื้อหาของเพลงมากยิ่งขึ้น เช่น Say good bye to all your pain and sorrow. ซึ่งแปลว่า บอกลาความเจ็บปวดและความโศกเศร้าของเธอทั้งหมดนั้นเสียเถอะ
                             จากการเรียนรู้นอกห้องเรียนในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ถึงสิ่งที่ควรทำในการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งมีอยู่ 5 ประเด็นด้วยกันคือ ควรมีความกระตือรือร้นกับการเรียนภาษา หมั่นฝึกฝนภาษาอังกฤษเป็นประจำ ฝึกให้ตัวเองคิดเป็นภาษาอังกฤษ หาเพื่อนเป็นฝรั่ง และอย่ากลัวที่จะใช้ภาษาอังกฤษผิดสิ่งเหล่านี้เป็นเทคนิคและแนวทางที่สำคัญที่จะช่วยให้ดิฉันฝึกฝนภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น ในส่วนของการฝึกทักษะนั้น ดิฉันได้ฝึก 2 ทักษะด้วยกัน คือ ฝึกอ่านคำย่อภาษาอังกฤษทำให้สามารถรู้และเข้าใจความหมายของคำย่อได้มากขึ้นและการฝึกทักษะที่สอง คือ ทักษะการฟังโดยดิฉันได้ฝึกฟังเพลงสากล ซึ่งทำให้ดิฉันได้รู้ถึงสำเนียงที่ถูกต้องและเพิ่มประสิทธิภาพในการฟังมากยิ่งขึ้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น